ภาษาไทย
ENG
繁體
Tiếng Việt

ความเป็นมาของ NIKKOR

1. ประวัติศาสตร์ที่เริ่มจากฟากฟ้า

ในพ.ศ. 2460 ได้มีการควบรวมโรงงานกระจกอิวากิ (ซึ่งเป็นแผนกเลนส์ของบริษัทโตเกียว เคอิกิ) เข้ากับโรงงานฟูจิเลนส์ เพื่อก่อตั้งเป็นบริษัท “นิปปง โคงักขุ" (Nippon Kogaku K.K. หรือแปลเป็นไทยได้ว่า บริษัท อุตสาหกรรมเลนส์และกล้องถ่ายรูปแห่งประเทศญี่ปุ่น จำกัด) รับผลิตกล้องส่องทางไกลขายให้กับผู้บริโภคทั่วไป จากนั้น ในพ.ศ. 2475 เครื่องหมายการค้า “NIKKOR” สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เลนส์ถ่ายภาพได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยคำว่า “NIKKOR” เป็นการนำเอาตัว “R” มาต่อท้ายคำว่า “NIKKO” ซึ่งเป็นชื่อย่อของ Nippon Kogaku อย่างไรก็ดี ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของเลนส์ NIKKOR นั้น เริ่มขึ้นมาจาก “Aero-NIKKOR” ซึ่งเป็นเลนส์สำหรับการถ่ายภาพทางอากาศ เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำแผนที่ให้กับทางกองทัพ โดยการจะสร้างแผนที่ที่มีความถูกต้องและรายละเอียดสูงได้นั้น เลนส์ที่ใช้จำเป็นต้องมีความแม่นยำสูงมาก ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ เลนส์ชุดแรกทั้งหมดจึงต้องผลิตด้วยมือ ส่งผลให้มีเลนส์รุ่น Aero-NIKKOR 18cm f/4.5 (พ.ศ. 2476) รุ่น 7.5cm f/3.5 (พ.ศ. 2480) และรุ่น 10cm f/5.6 (พ.ศ. 2482) ตามมา และจากจุดเริ่มสำคัญอันควรค่าแก่การบันทึกในประวัติศาสตร์นี้ NIKKOR ได้ขยายเข้าสู่ตลาดเลนส์สำหรับผู้บริโภค และตลาดเลนส์สำหรับการใช้ในอุตสาหกรรม จนท้ายที่สุด NIKKOR ได้เติบโตจนมาเป็นชื่อที่สื่อถึงเลนส์ทรงพลังที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดของญี่ปุ่น

2. สู่ความเป็นนิคอนระดับสากล

หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง นิปปง โคงักขุ เริ่มผลิตกล้องเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภคทั่วไป และในพ.ศ. 2489 บริษัทฯ ได้ตัดสินใจตั้งชื่อกล้อง 35มม. ของบริษัทฯ ว่า “Nikon” ซึ่งนั่นหมายความว่า ชื่อนิคอนนั้นที่จริงแล้วแล้วมีอายุน้อยกว่า NIKKOR และในปีพ.ศ. 2493 ทั้งสองคำได้กลายมาเป็นชื่อที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักดี เนื่องจากได้มีบทความในนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า กล้องนิคอนและเลนส์ NIKKOR ที่ช่างภาพจากนิตยสารไลฟ์ใช้ในช่วงระหว่างสงครามเกาหลี (พ.ศ. 2493 ถึง พ.ศ. 2496) นั้นมีประสิทธิภาพเหนือกว่ากล้องเยอรมันและเลนส์ที่ใช้ในยุคนั้น ทั้งนี้ ในพ.ศ. 2495 ได้มีการก่อตั้ง NIKKOR Club ขึ้นมาด้วยความร่วมมือระหว่างนายมาซาโอะ นากาโอกะ (ประธานบริษัท นิปปง โคงักขุ ในขณะนั้น) นายอีเฮอิ คิมูระ นายเคน โดะมอน นายยูซากุ คาเมคูระ และมากาเร็ต เบอร์ก-ไวต์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เหล่าผู้รักเลนส์ทั้งหลายได้มีโอกาสสานสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์กันได้ในระดับสากล

3. ปักหมุดดำแหน่งผู้นำระดับโลก

ในพ.ศ. 2500 ได้มีการเปิดตัวกล้อง Nikon SP ที่ได้รับการพิสูจน์และยืนยันประสิทธิภาพว่าเทียบเท่ากล้องยอดนิยมอย่าง Leica M3 จากนั้น ในพ.ศ. 2502 ได้เปิดตัวกล้อง Nikon F ที่ได้รับการออกแบบต่อยอดมาจาก Nikon SP โดยกล้องรุ่นนี้เป็นกล้องเอสแอลอาร์ระดับมืออาชีพตัวแรกของนิคอน โดยในขณะนั้น “Nikon F Mount” ถือเป็นมาตรฐานเลนส์เมาต์ของนิปปง โคงักขุ และในปี 2514 ได้มีการเผยโฉมกล้อง Nikon

F2 ที่มีความล้ำหน้ายิ่งขึ จากนั้น NIKKOR ได้ผลิต “AF Nikkor 80mm f/4.5” ซึ่งเป็นเลนส์ออโตโฟกัสเดี่ยวตัวแรกของโลกขึ้น และในพ.ศ. 2520 ได้มีการเปลี่ยน “Nikon F Mount” ให้เป็น “Automatic Maximum Aperture Indexing” ซึ่งเป็นการเสริมประสิทธิภาพให้เลนส์สามารถสื่อสารการปรับขนาดรูรับแสงสูงสุดไปยังตัวกล้องได้โดยอัตโนมัติ และในปี 2523 บริษัทฯได้เปิดตัว Nikon F3 ที่ถือเป็นจุดเริ่มแห่งการยึดฐานที่มั่นของนิคอนในฐานะกล้องชั้นนำของโลก เนื่องจากประสิทธิภาพที่มากมาย รวมไปถึงการได้รับความไว้วางใจจากองค์การนาซ่าให้เป็นกล้องเอสแอลอาร์สำหรับติดตั้งในกระสวยอวกาศต่างๆ ของนาซ่า

4. เทคโนโลยีดิจิตอลคือเทคโนโลยีสำคัญของการถ่ายภาพ

เมื่อเวลาผ่านไป ได้มีการเปิดตัวกล้อง Nikon D1 ซึ่งเป็นกล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์ในปีพ.ศ. 2542 ตามมาด้วยรุ่นที่เป็นผลพวงของวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีดิจิตอลที่สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่าง Nikon D3 ในปี 2550 และ Nikon D4 ในปี 2555 พัฒนาการไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เพราะยังได้มีการเปิดตัว Nikon D800 และ D800E ตามมา และเทคโนโนโลยีดิจิตอลได้กลายมาเป็นหัวใจของเทคโนโลยีการถ่ายภาพ โดยในปี 2556 ได้มีการพัฒนาเลนส์ประเภท E ซึ่งเป็นเลนส์ที่ใช้ไดอะแฟรมแม่เหล็กไฟฟ้าในการปรับขนาดรูรับแสงอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้กลไกที่เชื่อมต่อจากตัวกล้อง ซึ่งต่อมาเลนส์นี้ได้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย มากกว่าเลนส์เฉพาะทางอย่างเลนส์ PC-E